ทริปครั้งนี้เกิดขึ้นจากการได้ตั๋วราคาแสนดี จากเพจอาแปะ และเป้าหมายที่ว่าปีนี้จะต้องไปคันโตให้ได้จากที่ไปคันไซมาแล้ว และแล้วทริปนี้ก็เกิดขึ้น จา มิ้น พี่หนัน พี่แนน ผู้ร่วมชะตาหลง
เราเดินทางกันวันที่ 28 พฤษภาคม ถึงวันที่ 4มิถุนายน 2558 การเดินทางทั้งนี้เป็นการเดินทางครบรส ได้พักทุกรูปแบบ ทั้งบ้าน โรงแรม นอนแบบดอร์ม แบบแคปซูล นั่งรถบัส รถเเท็กซี่ รถไฟ แตกต่างจากทริปคันไซที่นั่งแค่รถไฟอย่างเดียว
“ความที่เป็นญี่ปุ่น ขนาดเสาไฟยังน่ารักเลย”
โตเกียว วันแรกของเราคือการมุ่งหน้าตาตื่นไปต่อรถบัสที่ shinjuku เพื่อไปหาคุณฟูจิซัง Kawaguchiko
>>วิธีการเดินทางไปคาวากูจิโกะโดยรถบัส
Kawaguchiko station ในวันที่ ท้องฟ้าไม่แจ่มใสมองไม่เห็นฟูจิซังเลยซักนิดเดียว เสมือนฟูจิซังไม่มีอยู่จริง
ชิบะซากุระ ทุ่งดอกไม้สีชมพูที่ร่อยหรอ อาจเป็นเพราะเรามาช่วงปลายเดือนแล้วทำให้ได้วิวทุ่งดอกไม้ที่ไม่สวยต้นเดือนพฤษภาคม
เป้าหมายของพวกเราก็คือการปั่นจักรยานที่นี่ แล้วมันก็ได้ปั่นสมใจ
ในที่สุดก็ได้เจอคุณฟูจิซังในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส กลับโตเกียวได้อย่างสบายใจ
อำลาฟูจิซังด้วยไอศกรีมที่สถานีรถไฟ มันหอมมากๆเลยแหละ
…โตเกียวสำหรับเราเปรียบเทียบรูปร่างหน้าตาเหมือนกับกรุงเทพเลย ความรู้สึกของเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย การเดินชนกันบางครั้งไร้ซึ่งคำขอโทษทุกคนต่างเร่งรีบเพื่อเดินไปทำธุระของตนโดยไม่ได้สนใจคนรอบข้าง โตเกียวทำให้เรารู้สึกแบบนั้น
แต่ในมุมมองแค่นั้นก็เอามาตัดสินพื้นฐานจิตใจของคนญี่ปุ่นไม่ได้ พวกเราก็คือนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่ไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับโตเกียวมากมาย แต่ทุกครั้งที่เราสงสัยในเส้นทางคนโตเกียวทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะยินดีช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ บอกทาง ชี้ทาง จนไปถึงการเดินไปส่งเราจนถึงที่หมาย มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ กับคนที่ไม่เคยได้รู้จักกันแต่ช่วยเหลือกันจนถึงที่สุด….
“ยังคงมีความคาวาอี้อยู่ทุกพื้นที่ในญี่ปุ่น แม้แต่หน้าประตูรถไฟฟ้า”
“มีความฟรุ้งฟริ้งแต่ไม่มีกระดิ่งแมว”
“ชีสทาร์ต PABLO โอโห้ อร่อยจุง”
“ทำไมเราถ่ายภาพที่ 5 แยกชิบูย่าไม่สวยเหมือนคนอื่นอื่นเค้าถ่ายกันเลยไม่เข้าใจจริงๆ”
“บางทีเราก็ถามตัวเองว่า ทำไมถึงมากินผัดไทไกลถึงชิบูย่า”
“การแอบถ่ายผู้อื่นในที่สาธารณะโดยเฉพาะกับคนญี่ปุ่น คือละเมิดสิทธิอย่างมาก”
(แต่ถ้าแอบถ่ายพ่อค้าน่ารักก็ยกเว้นนะ)
วันนี้พวกเราจะย้ายที่พักจากย่าน Otsuka station ไปพักที่ Asakuka
“มีความเกาหลี อันยอง อันยอง”
‘โตเกียวดิสนีย์ รีสอร์ท’ เรามากันโตเกียวดิสนีย์แล้วแต่เรายังตัดสินใจกันไม่ได้ว่าจะไปดิสนีย์แลนด์สุดฟรุ้งฟริ้ง หรือ ดิสนีย์ซีสุดเก๋ แต่ก็ลงมติกัน ไปดิสนีย์ซีแหละ เพราะมันมีที่เดียวในโลกกกก
“เราชอบเด็กญี่ปุ่นที่เป็นมิตรไมตรีคาวาอี้ใสๆ เล่นอะไรก็เล่นด้วย แม้เราจะเป็นคนแปลกหน้า”
“สังเกตุดีๆคนญี่ปุ่นก็เลี้ยงลูกเทพ”
“โตเกียว ดิสนีย์ ซี คือเมืองจำลองขนาดใหญ่”
“ยังคงมีความเมริกาซ่อนอยู่ในโอไดบะ”
เรารู้สึกไม่ค่อยชอบฝั่งชิบูย่าและชินจุกุสักเท่าไหร่ ทั้งที่เต็มไปด้วยความทันสมัยและแฟชั่น มันเต็มไปด้วยความครื้นเครงที่ดูแสนวุ่นวาย แตกต่างจากฝั่งอุเอะโนะ อาซากุซะ เราตกหลุมรักย่านนั้นตั้งแต่ลงรถไฟมาเจอ ย่านนี้เลยคือย่านที่ชอบมากที่สุดของทริปนี้
‘วัด Sensoji’ หรือที่คนไทยเรียกว่าวัดอาซากุซะ ยังคงเป็นLandmarkที่พวกเราต้องมา แม้มาถึงพวกเราจะรู้สึกว่าทำอะไรกันต่อดี ไหว้เพราะเราก็ไม่ได้ไหว้เพราะเป็นคนงงๆแต่ก็รู้สึกดีที่ได้มา
สองข้าวทางเข้าวัดมีของฝากมีขนมเยอะแยะมากเลย เราได้ผ้าเช็ดหน้าลายแผนที่ญี่ปุ่นมาชอบมากๆเอาไปอวดเพื่อนในทริปว่าสวยไหมแกๆ สุดท้ายก็ทำหาย เดี๋ยวกลับไปที่นี่ใหม่เพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้า
“เราชอบท้องถนนที่เป็นของรถทุกประเภท”
UENO Station
“ชอบรูปนี้ ไม่มีเหตุผล”
“หลงทางอาจหาเจอ แต่ถ้าหลงชอบเธอต้องทำยัง”
“เราเพิ่งมีโอกาสได้เห็นคู่รักที่ออกมาจากซีรีย์หนังญี่ปุ่นก็วันก่อนกลับ เรามองออกไปหน้าต่างรถไฟเจอสาวน้อยกระเป๋าเหลืองคนนี้ยืนอยู่กับแฟน แล้วแฟนก็ยืนรถส่งจนรถไฟเคลื่อนขบวนก็ยังยืนอยู่ แต่สาวน้อยผู้นี้ก็นั่งนิ่งๆเย็นชาแบบในซีรี่ย์เลย ชีวิตช่างน่ารัก”
จากลาโตเกียวด้วยคืนนี้นอนแคปซูลที่สนามบิน
ไอ เลิฟ ยู นะโตเกียวเที่ยวแรก เราจะพบกันอีกในโตเกียวเที่ยวที่สอง 🙂
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่ลักษณะหน้าตาดังต่อไปนี้