Japan : จากภูมิภาคคันไซ ยาวไปถึงคันโต

รอบนี้เป็นทริปญี่ปุ่นที่อยู่ยาวกว่าทริปที่ผ่านมาก จากที่ไปแค่5-7 แต่ทริปนี้ไปถึง 11 วันเริ่มต้นจากคันไซ ปักหมุดเมืองยอดฮิตโอซาก้า เกียวโต ลากยาวข้ามภาคไปถึงคันโตเพื่อไปเดินช้อปปิ้งเก๋ๆใสๆหัวใจสี่ดวงที่ชิบูย่า แล้วไปสโลว์โมชั่นที่คาวากูจิโกะ

ทริปนี้เป็นญี่ปุ่นครั้งที่ 3 ของเราแต่ความตื่นเต้นก็ยังคงมีทุกครั้ง ญี่ปุ่นเหมือนบ้านที่อยากมาในทุกปีๆ อยากมากอดในทุกฤดู แต่ญี่ปุ่นแต่ละครั้งก็ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลย แต่ครั้งนี้มันมาพร้อมคำว่า เกียวโตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

กระเป๋าเดินทางถูกว่าไล่โทนสีสวยงามเป็นระเบียบ ทำให้ผู้โดยสารตามหากระเป๋าของตัวเองได้ง่าย มันเป็นการใส่ใจเล็กๆที่น่ารัก

Arashiyama

อาราชิยาม่า เป็นสถานที่ที่ได้กลับมาอีกครั้งและยังรู้สึกว่าที่นี่น่ารักเหมือนเดิม ถึงบ้านเรือนจะดูเหมือนหมู่บ้านจำลอง ร้านค้าดูเป็นชุมชนธุรกิจเพื่อนักท่องเที่ยว แต่เรารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ได้เจอครั้งก่อนเลยไม่ได้คาดหวังมากว่าจะต้องเป็นเรียลไลฟ์เจแปนอะไรมากมาย

มาถึงอาราชิยาม่าต้องเจอบ้านหลังนี้

สะพานข้ามจันทร์กับแก๊งค์เด็กหนุ่ม

ป่าไผ่ที่คนอื่นเห็น ป่าไผ่ที่เราอยากเห็น

Fushimi Inari Shrine

ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ วัดที่มี่เสาร์แดงเรียงรายเป็นร้อยๆต้น

การมาที่วัดเสาร์แดงสิ่งที่ชอบที่สุดก็คือการเจอเจ้าแมวจำศีลตัวนี้ นังนิ่งเป็นตุ๊กตาแมวให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาถ่ายรูปให้อย่างมืออาชีพ

Kiyomizu-dera Temple

วัดน้ำใส วัดที่ต้องมา ที่นี่เป็นแลนด์มาร์คที่เรารู้สึกว่าต่อให้มาเกียวโตร้อยครั้งพันครั้งก็ต้องแวะมา บรรยากาศทางขึ้นวัดมันเชิญชวนให้รู้สึกอยากมาเดินเล่นดูร้านค้าขายขนมของฝากทางขึ้นวัด ดูสาวๆใส่ชุดกิโมโน,ยูกาตะ มาเดินเล่นถ่ายรูปสวยๆ ก่อนจะเข้าวัดไปไหว้พระขอพรตามความเชื่อ และเดินเล่นบริเวณวัดก็กว้างใหญ่เพลินใจมากๆเลยหล่ะ

ถ้าลงมาจากวัดน้ำใส(Kiyomizu dera) ก็เดินต๊อกแต๊กๆไปย่านกิออน(Gion)

Kamo River

เราว่าการมานั่งเล่นนอนเล่นริมแม่น้ำคาโมะคงไม่ใช่แลนด์มาร์คที่ต้องแต่รู้ไหมแค่ได้นอนรับลมเย็นๆในตอนค่ำ ดูผู้คนพักผ่อน คนรักสวีทหวานริมแม่น้ำ บอกเลยว่ามันเป็นสถานที่ที่เราชอบมากที่สุดในการมาเกียวโต สบายใจและน่าจดใจมากที่สุดเลยยย

Pontocho

พอนโตโชะ เป็นตรอกเล็กๆที่เต็มไปด้วยร้านอาหารร้านดริ้ง อารมณ์แบบคนญี่ปุ่นเลิกงานมาสังสรรค์ชนแก้วแล้วเมาอะไรทำนองนั้น ฮ่าๆ แต่พิกัดซอยนี้ดีมากเพราะอยู่ติดกับแม่น้ำคาโมะเลย

ถ้าเดินจากเส้นถนนใหญ่เข้ามาสุดตรอกพอนโตโชะ จะเจอ 3 แยก ตรงหน้าจะเป็นร้านขายบุหรี่เก๋ๆหน่อย แล้วเลี้ยวขวาเดินมาเรื่อยๆจนเจอร้านในรูปนี้ หันหน้าเข้าหาร้านแล้วหันหลังกลับไปนิดนึงจะเจอร้านราเม็งที่ราคาไม่แพงแต่รสชาติโครตเด็ดๆ เป็นร้านเล็กๆลับๆ อยากให้ลองเข้าไปชิม เพราะมันอร่อยโอเว่อร์มากๆเลย (ถ้าได้กลับไปอีก จะไม่พลาด)

Sanjo

ซันโจ เป็นย่านที่พักของเรา เราพักที่ Piece Hostel Sanjo ที่พักตกแด่งสไตล์Loft ดูดีและสะอาด พนักงานบริการประทับใจ เป็นโฮลที่กดโหวตเอาไปเลย 5 ดาว ซันโจะเป็นย่านที่ดูดี เก๋ๆ คูลๆ น่าเดินเล่น แต่เราไม่ค่อยได้ใช้เวลากับมันมาก ทริปนี้มันเลยกลายเป็นแค่ทางผ่านเข้าออกไปเที่ยวที่อื่นมากๆกว่า ทั้งที่มันเป็นย่านที่น่าทำความรู้จักมากๆ

BYE BYE KYOTO..

เกียวโตเป็นเมืองน่ารักสำหรับเรา แต่เรารู้สึกว่าเกียวโตรอบนี้ดูเป็นแม่ค้ามากกว่าครั้งแรกที่เรามา อาจจะเป็นเพราะการฟื้นฟูเศรษฐกิจมั้งไม่ว่าเมืองไหนๆก็ต้องปรับตัว.. แต่ก็ยังรู้สึกว่าต้องกลับมาอีกอยู่ดี

HELLO OSAKA

Umeda

เราเลือกพักย่านอุเมดะเพราะสะดวกในการเดินทางง่ายต่อการต่อNight Bus ข้ามภูมิภาคไปโตเกียว อุเมดะเป็นย่านที่น่าเดินเล่น เราใช้เวลาช่วงที่สมาชิกในทริปตกลงกันว่าจะนอน2-3 ชั่วโมง ก่อนออกไปช้อปปิ้ง เราลากเพื่อนสาวหนึ่งคนออกไปเดินเล่นในย่านนี้ในแบบที่ไม่ได้จัดไว้ในแพลนมาก่อน เดินตาม Google map ไปเรื่อยๆ จุดหมายคือริมแม่น้ำที่เพิ่งนั่งรถไฟผ่านมา

แค่การเดินเล่นถ่ายรูปบ้านเรือน ผู้คนเดินผ่านไปมาก็น่ารักแล้ว นี่แหละ ญี่ปุ๊นนนญี่ปุ่นน..

Yodogawa River

แม่น้ำโยโดกาว่า เป็นริมแม่น้ำอีกพิกัดที่เราไม่ได้ตั้งใจแต่สบายใจที่ได้มา มีถนนเส้นเล็กๆคั่นระหว่างบ้านเรือนผู้คนกับริมแม่น้ำที่มีท้องทุ่งสีเขียวโล่งๆดูเหงา แต่น่าเดินเล่นโครตๆ เจอคุณป้า คุณตาพาเจ้าหมามาเดินเล่น ส่วนเรากับเพื่อนก็ซื้อขนมมานั่งกิน ถ้าได้มาช่วงเทศกาลดอกไม้ไฟคงจะสวยและดูไม่เหงาขนาดนี้

Namba – Donbori – Shinsaibashi

ช่วงเวลาแห่งการกิน ตะเวนช้อปปิ้ง เป็นชั่วโมงที่ทุกคนไม่พกกล้องคล้องคอ ทุกคนบอกว่ามันคือภาระ เป้าหมายของการมาที่นี่คือกินและซื้อของเท่านั้น ฮ่าๆ

เราเป็นทีมไทย รักชาติ รักอาหารไทย มาไกลถึงโอซาก้าเราก็มาร้านอาหารไทย ไปโตเกียวก็ยังเข้าร้านไทยอีก ความแซ่บแบบไทยๆมันอยู่ในสายเลือดจริงๆ

Drop Inn Osaka ที่พักที่เราเลือก มันไม่มีอะไรแย่และไม่ชอบ แต่เราว่าเอาไปแค่ 2 ดาวก็พอนะ

Osaka Night Light..

เรากินทุกอย่างที่โอซาก้าอิ่มแล้ว เราพอใจกับคันไซแล้ว เราข้ามภูมิภาคมาคันโตดีกว่า

KONNICHIWA TOKYO!

สวัสดีโตเกียว

Asakusa

เราเลือกอาซากุซะเป็นย่านพักพิงอิงอาศัย ย่านที่อยู่แล้วสบายใจ ความวุ่นวายน้อยกว่าฝั่งชินจูกุ ถ้าให้พูดถึงอาซากุซะ เรานึกถึง วัดเซ็นโซจิโดมแดงอันใหญ่ , ริมแม่น้ำสุมิดะ , Tokyo Sky Tree , ตึกอาซาฮี ที่เป็นสัญลักษณ์ของย่านนี้ ถ้าเป็นขนมก็คงนึกถึงเมล่อนปังแสนอร่อยๆหน้าวัดเซ็นโซจิ

Tokyo Sky Tree นิงายยย..

นอกจากเมล่อนปังที่ต้องกิน การมาถึงอาซากุซะ พวกเราก็ไปนร้านอาหารไทยที่ชื่อร้าน “ณ ไท” เป็นที่เราตั้งใจโปรโมทให้ฟรี เพราะไป 3 ครั้ง 3 มื้อ ด้วยหิวกระหาย อย่างแรงงง

Don Quijote จากที่สำรวจร้าน ดองกี้โฮเต้มาทุกสาขาทุกที่ พวกเรายืนยันในความพอใจของตัวเองว่า สาขาอาซากุซะ ของเยอะและมีราคาถูกกว่าสาขาอื่นๆ

เห็นตึกตึกอาซาฮี กับ Tokyo Sky Tree แสดงว่าเรามาถึงอาซากุซะแล้ววว ฮี่ๆ

Harajuku

น่ารักใสๆสไตล์คาวาอี้ ต้องมาฮารายจุกุนิงายยย ย่านช้อปมักจะไม่ค่อยมีอะไรเรื่องเล่า ไม่มีวิวใดๆน่าจดจำนอกจากเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าที่อยากได้

Shibuya

ถ้าอยากมาถึงชิบูย่าอย่างไม่เสียเที่ยวคงต้องไปเดินโฉบเฉี่ยวแล้วแชะรูปตัวเองกับห้าแยก ถ้าจะให้ชิคกว่านั้นคงเป็นการนั่งในร้านสตาร์บัคชั้น2 แล้วมองดูสัญญาณไฟจราจรกับผู้คนที่เดินสวนกันไปมา แบบนั้นถึงจะถูกใช่มิค่ะ แต่เปล่าเลย ชิบูย่ารอบนี้เราไม่ได้เข้าร้านสตาร์บัค ฮ่าๆ

Tokyo Tower

แสงของท้องฟ้าจากตอนกลางวันไปถึงตอนเย็นท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสีไป แสงไฟของหอคอยโตเกียวทาวเวอร์ก็เช่นกัน เป็นความสวยงามที่เราได้นั่งเล่นที่พื้นปูนธรรมดาๆ มีเด็กๆมานอนเล่นรอเหมือนกับพวกเรา รอดูมันค่อยๆเปลี่ยนสี รู้สึกชอบจัง

Ginza

เราเรียกว่าย่านไฮโซ เป็นย่านที่เต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์เนมหรูหรามากมาย มันมิใช่เราเลย ไม่มีสิ่งใดที่เราจะต้องซื้อเราแค่มาเดินเล่นเท่านั้นเอง ฮี่ๆ

Kawaguchiko

เราปิดทริปด้วยการมาพักผ่อนแบบรีบๆที่คาวากูชิโกะ ปั่นจักรยานตานลมตอนเกือบค่ำ ช่วงเวลาที่โครตดีเลย สบายใจมากๆ ครั้งก่อนเรามีโอกาสได้ปั่นจักรยานแค่หน้าที่พัก แต่ครั้งนี้ปั่นรอบทะเลสาปซอกแซกไปในซอยบ้านเรือนผู้คน โครตดีต่อใจ เป็นความแปลกใหม่อีกแบบ สบายใจมากๆแม้วันต่อไปจะฝนตกจนอดเที่ยวแต่วันแรกที่มาถึงก็คุ้มมากๆ จบทริปอย่างสมบูรณ์ แล้วก็กลับเข้าเมืองไปซื้อของฝากที่ชินจูกุ กลับไทยแลนด์ได้อย่างสบายใจแว้ววว!