เราจัดกระเป๋าใส่เป้ใบเล็กที่ดูเหมือนจะนั่งรถตู่ไปชลบุรียังไงยังงั้น แต่จริงๆแล้วเราจะไปมาเก๊ากันแก ทริปของ2สาว 1 เพื่อนสาวที่ทิ้งตั๋วเพราะติดธุระ เพื่อนสาวถามว่าแกยังจะไปอยู่ไหม เรายังยื่นยันคำเดิมว่า ไป! นับวันรอมานานจะให้ทิ้งตั๋วคงไม่ยอม ฮี่ๆ
ไปมาเก๊ากันเถอะ!!
แบกเป้ใบน้อยบินไฟล์ท 10 โมง เช้ากับ AirAsia มาถึงมาเก๊าประมาณบ่ายโมง รีบออกจากตม. พุ่งตรงไปถามพี่รปภ ด้วยภาษาอังกฤษง่อยๆว่ารถบัสฟรีจะไปเวเนเชี่ยนต้องไปขึ้นตรงไหน เราก็รีบเดินดิ่งตรงไปท่ารถบัส แล้วรถบัสก็จะพาเรามาส่งที่ The venatian บ่อนคาสิโน่ที่สวย หรูหราโอ่อ่า สำคัญคือเรารีบต่อ Free Wifi ทักไปบอกคนที่บ้านว่ามาถึงมาเก๊าแล้วนะด้วยความปลอดภัยดี กฏของการที่แม่อนุญาตให้ไปเที่ยว คือต้องดูแลตัวเองให้ปลอดภัย คราวนี้ก็เดินเที่ยวต่อไปอย่างไร้กังวล ฮิ้ว~
“มีความดูเป็นเมืองจำลอง”
เราเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยๆ ไม่รู้จะไปทางไหนดี เลยเดินตามฝรั่งกลุ่มนี้ไป หวังว่าทางข้างหน้าคงเป็นที่เที่ยว
เดินจนมาถึง Studio City เลยตัดสินใจใช้บริการรถแท็กซี่ไป Senado square
ตอนแรกแท็กซี่ไม่รู้จักชื่อ Senado square โชคดีที่เรามีรูปภาพในมือถือ พอโชว์ให้ดูคนขับแท็กซี่ถึงร้อง อ๋อ.. (จ่ายค่าแท็กซี่ไป 77 mop)
Senado square
พอมาถึงโซนนี้เราก็เลยเดินเล่นไปซอกนู้นซอยนี้ไปเรื่อยๆ ตามประสาคนไม่มีอินเตอร์เน็ต อาศัยเดินตามเขาไป อ่านป้ายไป มีเดินหลงไปในซอยที่เป็นบ้านคนพักอาศัยด้วยไม่มีนักท่องเที่ยวสักคน รับรู้พลังงานความซวยว่าตัวเองหลงทาง เราจะออกจากตรงนั้นยังไงควรเลี้ยวไปทางไหนต่อ งานดราม่ามากกก..
“คนหลางทาง”
เราหลงเข้ามาในซอกซอยที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย แต่ก็รู้สึกดีที่ได้มุมถ่ายรูปที่ไม่เหมือนใคร ถ่ายรูปล่นไปสักพักก็มีคู่รักเดินเล่นกันนุ้งนิ้งๆ เราเลยตัดสินใจเดินตามคู่รักไปเรื่อยๆจนมาเจอทางไป Fortaleza do monte จุดชมวิวเมืองมาเก๊า ที่อยู่ใกล้กับซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St.Paul’s) อยากขอบคุณคู่รักมากที่ชี้เป้าให้คนหลงทางจนเจอทางออก ฮ่าๆ
เราเป็นคนชอบถ่ายรูปแบบเหงาๆที่มีคนติดมาไม่เยอะ หรือไม่มีคนเลยยิ่งดี ภาพดูน่าค้นหา (คิดเองเออเอง)
Fortaleza do monte จุดชมวิวที่มองเห็นเมืองมาเก๊า
ที่นี่เคยเป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางทหารในอดีต จนปัจจุบันด้วยวิวทิวทัศน์เมื่อเราขึ้นเป็นอยู่ด้านบนมันสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองมาเก๊าที่สวยงามได้ 360 องศา จึงได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบัน
แต่ที่นี่ก็เหมือนเป็นสถานที่ผ่านคลายนะ นั่งทิ้งตัวมองวิวสวยๆ นอกจากนักท่องเที่ยวเราก็จะเจอผู้สูงอายุมาออกกำลังกายกันเยอะมากๆ
“ช่างภาพน้อยของพี่”
ที่นี่มองเห็นวิวเมืองได้มาเก๊าสวยมากๆ ถ้าเป็นกลางคืนคงสวยมากกว่านี้
ลงจากจุดชมวิว เราก็ไปนั่งเล่นหน้าโบสถ์เซนต์ปอล ชิมทาร์ตไข่สไตล์มาเก๊าต่อ!!
ซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St.Paul’s)
ที่นี่ถือว่าเป็นLandmark เลยก็ว่าได้ ถ้ามาที่มาเก๊า ไม่มาโบสถ์เซนต์ปอลแสดงว่ามาไม่ถึง! จริงรึ!จริงสิ!
จากโบสถ์ด้านบนมองลงไปด้านล่างนู้นก็คือ Senado นั่นเองจ้า
เป็น 1 วันที่มาเก๊าอันสมบูรณ์แบบเพราะได้กินทาร์ตไข่ชื่อดังแล้วววว
เราเลยใช้เวลานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจหน้าโบสถ์ ชิมทาร์ตไข่สุดอร่อย ต่อไวไฟฟรี หูยยดีจัง! (ดีที่ไหน ร้อนมากก)
แคมเปญสุดท้ายของวันนี้ คือการตามหาที่พักแบบไม่มีอินเตอร์เน็ตนำทาง..
ไม่มีเน็ต แผนที่ออฟไลน์ที่โหลดมาใช้งานไม่ได้ มีแต่แผนที่ที่แคปจอไว้กับชื่อถนนที่เราต้องตามหา ถามตัวเองว่ากี่ทุ่มถึงจะเจอ จะปาไปกี่ชั่วโมง ร้องไห้แปป แต่..ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น เพราะเราศึกษามาคร่าวๆว่าอยู่ไม่ไกลจากโบสถ์สุดท้ายก็เจอจนได้ แต่ก็เดินหลงไปไกลมากพอสมควร ฮ่าๆ
Holiday hotel
ที่นี่เป็นโรงแรมง่ายๆ นอนง่าย1คืน ไม่มีค่ามัดจำใดๆ ตอนแรกดูภาพมารู้สึกไม่ค่อยโอเค เพราะมันดูเก่าแต่เรานอนคนเดียวไม่อยากได้แพงกว่านี้เพราะจริงๆชอบนอนโฮลเทลมากกว่านอนรวมโดยไม่ต้องกลัวผี แต่พอมาถึงจริงๆก็โอเคมากๆเลยนะ ฮ่าๆ นอนหลับแบบไม่ระแวง (จองผ่านAgoda 1500บาท)
“ผีหลอกกับคนหลอก อะไรน่ากลัวกว่ากัน”
Senado square ยามราตรี
โชคดีมากที่โรงแรมเราอยู่ในพิกัดที่ดี สามารถไปเดินเล่นทำความรู้จักกับมาเก๊าในตอนกลางคืนได้อย่างสะดวก เราเดินเล่นคนเดียวแต่ได้ความรู้สึกค่อนข้างปลอดภัยหรือเราโชคดีก็ไม่รู้ ้ฮ่าๆ แต่บางช่วงที่เลือกมุมถ่ายภาพที่ปลอดคนก็รู้สึกไม่หวาดกลัว แต่ก็ค่อนข้างเซฟตัวเองไม่อยู่ที่เปลี่ยวๆนานๆ รีบถ่ายรูปแล้วเดินไป Senado โซนช้อปปิ้ง
โซนช้อปปิ้งคนค่อนข้างคึกครื้นเลยหละ แต่เรายังเป็นคนชอบถ่ายรูปให้ดูเหงาๆเลยได้แต่ภาพที่มีคนน้อยๆติดมา ฮี่ๆ
ข้ามไปเกาะฮ่องกงกันดีกว่า…
-Hello! Hong Kong –
นั่งแท็กซี่จากโรงแรมไปสนามบิน 70 mop
วันที่ 2 ของทริป สมาชิกมาเพิ่มอีก1คน เราจองเรือเฟอร์รี่จะข้ามไปเกาะฮ่องกง โดยใช้บริการของบริษัท Cotai Water Jet จองออนไลน์จ่ายก่อนไป (สามารถปริ้น E-Ticket ที่ได้รับทางอีมลล์ไปใช้ขึ้นเรือได้เลย)
ขาไป ท่าเรือไทปาลงฝั่งฮ่องกงTaipa Ferry Terminal – HK Macau Ferry Terminal (158 hkd)
ขากลับ ท่าเรือฝั่งเกาลูนกลับท่าเรือไทปา China Ferry Terminal – Taipa Ferry Terminal (165hkd)
บรรยากาศของเรือชวนโยกเยก คลื่นมากทีุกคนต้องร้อง โอ้วว.. ฮ่าๆ เรานั่งหลับตาไปตลอดการเดินทาง เป็นคนกลัวน้ำ
ซื้อบัตร octopus
มาถึงฮ่องกงรีบไปซื้อบัตรสารพัดประโยชน์ไว้ใช้สำหรับการเดินทางโดยรถไฟฟ้า MTR , รถเมล์ , ซื้อของในมินิมาร์ท บลาๆ บัตรเดียวเองอยู่! บัตร Octopus สามารถซื้อได้ที่ เคานเตอร์ Informatiom ทุกสถานีเลยจ้า ราคา 150hkd ( ค่ามัดจำบัตร 50 hkd ที่เหลือสามารถใช้จ่ายในบัตรได้ 100 hkd )
…เดินเล่น เดินกิน เดินช้อปปิ้ง
ย่าน Central & Causeway Bay…
เรานั่งเรือจากมาเก๊ามาลงฝั่งฮ่องกงซึ่งจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้า สถานนี Sheung wan (สายสีน้ำเงิน) เราเลยสามารถไปเที่ยวต่อโดยรถไฟสายเดิมไปลงที่สถานี Central และ Causeway Bay ช้อปปิ้ง เดินเล่น หาของอร่อย ดูรถราง ยาวไป ยาวไป…
Micro hotel ที่พักแค่แมวดิ้นตาย!
ที่กบด่านบนเกาะฮ่องกง! เห็นคำว่าแมวดิ้นใจอย่าเพิ่งตัดสินใจว่าที่นี่มันไม่ดี มันเล็กก็จริงนะ แต่ว่าที่นี่เป็นที่พักที่มีราคาถูกแต่เป็นห้องนอนส่วนตัวที่มีห้องน้ำในตัวด้วย มันดีกว่าการนอนโฮสเทลแบบห้องรวมแน่นอน
ก่อนมาที่นี่เราเช็คราคาโฮลเทลในฮ่องกงจะมีที่พักที่น่าสนใจและดูสะอาดมีราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณคืนละ 700 บาท แต่เราก็เลยมาลองเช็คห้องส่วนตัวสำหรับ 2 คน เลยเจอที่นี่ ราคาเท่ากัน ห้องน้ำสวนตัว เลยตัดสินใจเลือกที่นี่เลย สรุปแล้วห้องนอนเล็กๆแต่ชอบมากในราคา 158 hkd ต่อคืน หารกันแล้ว ถูกมากจนน้ำตาไหลลล
พิกัดที่พัก : MTR Yau Ma Tei Station
*เหมาะสำหรับสายแบกเป้เท่านั้นน้า
..ออกไปเดินเล่น กินลม ชมวิว Victoria Harbour…
ออกจากที่พักนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงที่สถานี Tsim Sha Tsui เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆมีป้ายชื่อมีรูปชัดเจนไม่งงแน่นอน
เรามานั่งเล่นมองวิวฝั่งฮ่องกง เวลานั้นเรามีความสุขที่สุด โปร่ง โล่ง สบายใจ ลมพัดเย็นๆ เหมือนทิ้งทุกอย่างลงอ่าววิคตรอเรีย แล้วนั่งฟังเพลงที่ชอบกับเพื่อนหนึ่งคน ลืมดราม่าที่ชอบเสพ ลืมปัญหาชีวิตที่ต้องแก้ไข ลืมๆ ลืมทุกอย่างเลย (เว่อร์เนอะ..)
…วันที่ 3 ที่ Hong Kong
ไปวัดไหว้พระฝั่งเกาลูน กลับไปช้อปปิ้งฝั่งฮ่องกง…
วันที่ 3 เที่ยวฮ่องกงอีก 1 วัน ก่อนกลับมาเก๊า ทริปนี้จะเป็นทริปสั้นๆเหมือนนั่งรถไปชลบุรีที่เราชอบเปรียบเที่ยบกันเอง แต่เป็นทริปสั้นๆที่รู้สึกว่าพอดีแล้ว วันที่3ของทริปเราเลยมีเป้าหมายที่ต้องไปคือวัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) วัดที่ใครๆก็ชอบมาเสี่ยงเซียมซี พิกัดที่สอง ก็ไปที่วัดนางชี (Chi Lin Nunnery) และสวน Nan Lian Garden ตอนเย็นแอบไปเดินชิลเย็นๆที่ตลาด Ladies Market ด้วย
เราใช้วิธีการสั่งอาหารโดยใช้ทักษะจิ้มเอามั่วๆและดูรูปภาพประกอบ เราโชคดีที่ได้กินบะหมี่เกี๊่ยว แต่เพื่อนได้กินซุปมาม่า ฮ่าๆ
วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple)
การเดินทาง : MTR สายสีเขียวลงสถานี Wong Tai Sin
วัดนางชี (Chi Lin Nunnery)
การเดินทาง : MTR สายสีเขียว ลงสถานี Dimond Hill
สวน Nan Lian Garden
ladies market ตลาดที่มีสินค้าเหมือนสำเพ็งบ้านเรา
การเดินทาง : MTR สายสีแดงและเขียวลงที่สถานี Mong kok
ย่านช้อปโดยรอบมีShopที่มีสินค้าคุณภาพและร้านอาหารที่น่าสนใจเยอะพอสมควร แต่พอข้ามาในถนนTung Choi Street ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาด Ladies market กลับเจอแต่สินค้าที่หาได้ในบ้านเรา สินค้าคล้ายๆสำเพ็งบ้านเราเลย เรากับเพื่อนเลยดินเล่นโดยไม่ได้ถ่ายรูปเลย ก่อนกลับเลยแวะร้านอาหารญี่ปุ่น รสชาติโอเคทีเดียวเลยแชะภาพร้านมาเป็นที่ระทึกสักหน่อยยย
“อร่อยยยย เข้าใจแล้วว่าทำไมแพงกว่ายี่ห้ออื่นๆ”
…วันสุดท้ายที่ Hong Kong
จบทริปของเรา 2 คน…
ตื่นตี 5 อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปให้ทันรถไฟฟ้าใต้ดินรอบแรก เพราะเราจองตั๋วเรือขากลับรอบเช้า เช้ามากกก ทำแพลนแบบไม่สงสารร่างกายแต่อยากเซฟเวลาเลยต้องยอม เราต้องนั่งเรือจากท่าเรือ China Ferry Terminal (ฝั่งเกาลูน) กลับมาเก๊าเพื่อขึ้นเครื่องกลับบ้าน การตื่นเชาวันนี้มันก็ได้เห็นวิธีชีวิตอีกมุมหนึ่งของคนฮ่องกง เราตื่นพร้อมคนอายุรุ่นคุณลุงคุณป้านั่งรถไฟไปทำงานไปทำธุระ ถนนโล่งไม่มีการเดินทางโดยยานพาหนะ ได้เห็นมุมที่ต่างจากวันก่อนที่ตื่นสายออกมาก็เจอความวุ่นวายเลย Say Goodbye Hong Kong แบบคนหน้าสดที่รีบไปขึ้นเรือ
แล้วพบกันใหม่นะ ฮ่องกงมาเก๊า..
ความในใจที่มีต่อฮ่องกง : ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีความโอ้โห้ดีในความเป็นCity แต่ไม่ค่อยร้องว้าวในเรืองกฏระเบียบหรือนิสัยน่ารักของผู้คนสักเท่าไหร่ ยังไม่เจอโมเม้นตกตะลึงหรือได้สัมผัสความประทับใจอะไร ยอมรับแค่การพัฒนาเมืองและความฟู่ฟ่าเท่านั้นเอง ถ้าให้ไปอีกก็ตอบว่าไป แต่ถ้าถามว่าอยากไปโครตๆเลยไหม ตอบว่า ไม่ค่อย! ฮ่าๆ ไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ แต่ช้อปปิ้งสนุกดี จอบอ.